วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2558

ที่สุดของอาหารเสริมภูมิคุ้มกัน

งานวิจัยภูมิคุ้มกันวิทยาเอดส์

ที่่บ้านแกดา จ.ลพบุรี ที่ติดเชื้อเอดส์ มีโอกาสได้ทานอาหารเสริมจากงานวิจัยภูมิคุ้มกันวิทยา 4แคปซูลต่อวัน พบว่าอาการแทรกซ้อนของโรคฉวยโอกาสลดลง และยังพบว่าค่าcd4 th17 เพิ่มขึ้น ซึ่งอาหารเสริมที่มีในท้องตลาดในปัจจุบันนี้ยังไม่มีใครทำได้


เพิ่งทานยาต้านไวรัสได้เดือนกว่าๆ มีอาการผลข้างเคียงค่อนข้างมาก แพทย์บอกว่าสักพักอาการจะดีขึ้นให้อดทน ตอนนี้ค่า CD4 อยู่ที่ 215 ทำอย่างไรค่า CD4 จะสูงขึ้นครับ ตอนนี้อายุ 26 ปี รู้สึกสิ้นหวังเหลือเกิน กลัวจะมีชีวิตอยู่ไม่นานครับ ?
อาการ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ท้องอืด นอนไม่หลับ ฝันร้ายอาการดังกล่าวเป็นอาการข้างเคียงของยาต้านไวรัส ทางการแพทย์จัดว่าไม่รุนแรงคือเป็นอาการที่ไม่ทำให้เสียชีวิตแต่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวันส่วนใหญ่จะเป็นในช่วงแรกของการกินยาต้านไวรัสและส่วนใหญ่อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นภายใน 2 เดือน และจากผลการศึกษาในผู้ติดเชื้อที่ได้ทดลองใช้วันละ 4-9 แคปซูล ร่วมกับยาต้านไวรัส พบว่าสามารถลดผลข้างเคียงดังกล่าวได้เมื่อทานต่อเนื่อง และพบว่าผู้ติดเชื้อที่ทดลองใช้ลีฟร่วมกับยาต้านไวรัสมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และในกลุ่มทดสอบที่บ้าน Gerda พบว่าหลังใช้ต่อเนื่อง 12 เดือน พบว่าทุกคนมี CD4 เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 67.34% ทั้งนี้ตัวผู้ติดเชื้อเองควรปฎิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์และรับประทานยาต้านไวรัสอย่างสม่ำเสมอ ทำจิตใจให้สงบ ทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ คุณภาพชีวิตก็จะควรจะดีขึ้นเรี่อยๆตามสมควร

สนใจสอบถามได้ที่ศูนย์BIMhcc
โทร.098 251 5166
โทร.098 249 6546
Line id : bim100center
IG : bim100center

อาหารเสริมหนึ่งเดียวที่ทานร่วมกับยาต้านไวรัสเอดส์ เอชไอวี ATDs HIV ทานข้าวอร่อย นอนหลับสนิท ฝันดี สดชื่น ไม่อาเจียรไม่เวียนหัว
แก้มป่อง ผิวสวย หน้าใส มีความหวังมีกำลังใจที่จะดำเนินชีวิตต่อไป

อย.เลขที่ 51-1-00739-1-0107
บรรจุ 60แคปซูล น้ำหนัก 36กรัม
เพิ่ม th17 cd4 เม็ดเลือดขาวที่ถูกไวรัสทำลายมากที่สุด
ลดอาการข้างเคียงที่เกิดจากการใช้ยาต้านไวรัสเอดส์ HIV/AIDs
ลดผลที่เกิดจากเชื้อฉวยโอกาสที่เข้ามาทำร้ายผู้ป่วยเอดส์
ช่วยให้ผิวสวยหน้าใส
ทานอาหารได้มากขึ้น








วิธีการทานยาต้านไวรัสเอดส์ร่วมกับอาหารเสริม

วิธีการทานยาต้านไวรัสเอดส์ ร่วมกับอาหารเสริมLIVเพิ่มCD4

ผู้ป่วยที่เป็นเอดส์ จำเป็นต้องทานยาต้านไวรัสให้ตรงเวลาเป็นอย่างมาก เพราะไวรัสเอดส์แพร่กระจายเร็วมาก จากการวิจัยพบว่าหากผู้ป่วยลืมทานยาต้านไวรัสเพียง1วัน เชื้อจะเพิ่มขึ้น 1ร้อยล้านเซล
LIV วันละ4แคปซูล มีความสามารถเพิ่ม th17 ที่สามารถฆ่าไวรัสHIVได้



จากผลการวิจัยในโครงการ "การศึกษาผลของผลิตภัณฑ์ Operation BIM ต่อการกระตุ้นการเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาวชนิด CD4 Lymphocytes ในผู้ติดเชื้อ" โดย ศ.ดร.วัชระ กสิณฤกษ์ APCO Chair Professor และนพ.นพพร พรพัฒนพรพันธุ์ ผอ.รพ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ พบว่าผู้ติดเชื้อ HIV มี CD4 เพิ่มขึ้นหลังจากกิน LIV 4 แคปซูล/วัน หลังจากกินติดต่อกัน 60 วัน และที่บ้าน Gerda หลังผู้ติดเชื้อกิน LIV 4 แคปซูล/วัน ติดต่อกัน 12 เดือน พบว่าทุกคนมี CD4 เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 67.34% อย่างไรก็ตามผู้มีปัญหาติดเชื้อ HIV ควรรับประทานยาต้านไวรัสอย่างสม่ำเสมอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ครบทั้ง 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายเป็นประจำ ทำจิตใจให้แจ่มใสจะเป็นผลดีต่อผู้ติดเชื้อและจะทำให้ CD4 เพิ่มได้ในที่สุด

สนใจสอบถามได้ที่ศูนย์BIMhcc
โทร.098 251 5166
โทร.098 249 6546
Line id : bim100center
IG : bim100center


LIV e bim100 เพิ่ม CD4 


อย.เลขที่ 51-1-00739-1-0107
เพิ่ม th17 cd4 เม็ดเลือดขาวที่ถูกไวรัสทำลายมากที่สุด
ลดอาการข้างเคียงที่เกิดจากการใช้ยาต้านไวรัสเอดส์ HIV/AIDs
ลดผลที่เกิดจากเชื้อฉวยโอกาสที่เข้ามาทำร้ายผู้ป่วยเอดส์
ช่วยให้ผิวสวยหน้าใส
ทานอาหารได้มากขึ้น

วันพุธที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2558

มังคุดกับมะเร็งและเอดส์











‘มังคุด’มันเกี่ยวอะไรกับมะเร็งและเอดส์

‘มังคุด’รักษาสมดุลชีวิต ต่อชีวิตผู้ป่วยมะเร็ง และผู้ติดเชื้อเอชไอวี : คมคิดธุรกิจนิวเจน โดยศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา
               ราชินีผลไม้ไทย “มังคุด” คือจุดเริ่มต้นที่ ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา เลือกค้นคว้าวิจัยในขณะที่ดำรงตำแหน่ง คณบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จากการจุดประกายของ “ลุงเขียว” นักการภารโรง ที่ทำความสะอาดห้องวิจัย ในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่นำเรื่องราวอันน่าทึ่งของมังคุดมาเล่าให้ฟังว่า ชาวบ้านรู้จักสรรพคุณด้านยาของ "มังคุด" เป็นอย่างดี เป็นภูมิปัญญาที่ส่งต่อกันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ หลังจากย้ายไปสอนหนังสือที่ จ.เชียงใหม่ จึงตัดสินใจใช้เงินเก็บทั้งหมดที่มี ตั้งโรงงานผลิตเครื่องสำอางที่มาจาก "มังคุด" ที่นิคมอุตสาหกรรม จ.ลำพูน กว่าจะประสบความสำเร็จได้ในวันนี้ ต้องล้มลุกคลุกคลาน ผ่านการทดลองและวิจัยครั้งแล้วครั้งเล่า จนกว่าจะได้รับจากทั่วโลกในวันนี้

               “การทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ต้องดูความต้องการของตลาดด้วย ไม่ใช่เพียงแค่ทำ เพราะอยากทำ เมื่อทำไปแล้วไม่มีใครต้องการ เราเองที่เป็นฝ่ายเจ็บตัว”

               ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา ที่ปัจจุบันผันตัวมาเป็นผู้บริหารสูงสุดของ บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ (เอพีซีโอ) เล่าให้ฟังถึงความตั้งใจที่คิดมาตลอดว่า จะนำผลการวิจัยจาก "มังคุด" ไปพัฒนาต่อยอดสู่การผลิต และขายสู่วงกว้าง ที่สำคัญผลลัพธ์ที่ได้จะต้องเป็นประโยชน์แก่ผู้บริโภค และนำรายได้กลับมาใช้ในการวิจัย และพัฒนาสินค้าต่อไป จนเกิดเป็นวัฏจักรของอุตสาหกรรมครบวงจร เพราะการวิจัยต้องใช้ทุน หากวิจัยไปแล้วไม่ได้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ หยุดอยู่แค่การวิจัย เราก็จะได้เพียงผลงานวิชาการบนหน้ากระดาษ ถ้าทิ้งไป งานคงวางอยู่บนหิ้ง ไม่มีใครรู้จัก และไม่ได้นำไปใช้ประโยชน์ เหมือนกับการผลาญทรัพยากรมากมายมหาศาล เสียทั้งเวลา เสียทั้งเงิน และไม่รู้จะทำไปเพื่ออะไร เมื่อตั้งเป้าหมายชัดเจน จึงไม่มีเหตุผลที่ให้ต้องรีรออีกต่อไป

               ผลลัพธ์ที่ได้กลับมา พลิกความคาดหมาย ช่วงนั้นสารสกัดจากธรรมชาติยังเป็นเรื่องใหม่มากในแวดวงเครื่องสำอาง ประกอบกับคนไทยไม่ค่อยมีความเชื่อมั่นต่อผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศไทยมากนัก ทำให้สินค้าขายไม่ออก เรียกได้ว่า เสียทั้งเวลา เสียทั้งเงิน จนทำให้ธุรกิจแทบล้มละลาย แต่ความล้มเหลวในครั้งนั้น กลายเป็นบทเรียนครั้งสำคัญ

               ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่บ้าง เพราะในขณะนั้น ผลิตภัณฑ์ลดความอ้วนจาก “ส้มแขก” พืชพี่น้องตระกูลเดียวกันกับ "มังคุด" กำลังเป็นที่จับตามองของทั่วโลก จึงตัดสินใจเดินหน้าเริ่มต้นงานวิจัยสารสกัดจากส้มแขก จนค้นพบสารชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติสามารถเผาผลาญไขมันส่วนเกินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยสูง เพราะเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ จึงได้นำมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริม พร้อมผนึกกำลังกับพันธมิตรทางธุรกิจ สร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งขึ้น จนกระทั่งประสบความสำเร็จในด้านการขาย และเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในที่สุด ถึงขั้นมีบริษัทต่างประเทศ 7 แห่ง ติดต่อขอนำไปจำหน่ายในทันที

               แต่ถึงจะประสบความสำเร็จกับผลิตภัณฑ์จากส้มแขก แต่ก็ไม่ทิ้งการวิจัย "มังคุด" ในที่สุดสามารถสกัดสารที่ดีที่สุดในมังคุดออกมาได้เป็นผลสำเร็จ โดยตั้งชื่อสารนั้นว่า GM-1 เมื่อทดสอบฤทธิ์ด้านต่างๆ ก็พบว่า

               สาร GM-1 สามารถต้านอาการอักเสบ และระงับปวดได้ดีกว่า ยาแอสไพริน ถึง 3 เท่า และยังมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส ภูมิแพ้ อนุมูลอิสระ เนื้องอก และเชื้อมะเร็ง ในหลอดทดลองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

               “การค้นพบประสิทธิผลอันล้ำเลิศของ สาร GM-1 ในมังคุด ทำให้ผมมีพลังใจที่จะนำผลการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ไปใช้ประโยชน์ให้ได้ผลจริงกับมนุษยชาติ ผมว่า สิ่งนี้ควรเป็นเป้าหมายสำคัญของนักวิทยาศาสตร์ ผมจึงมุ่งมั่นปรับปรุงสูตรเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อนำออกจำหน่าย พร้อมกับฟอร์มทีมนักวิจัยที่เคยวิจัยมังคุดด้วยกันมาเป็นกลุ่มวิจัยอย่างชัดเจน ใช้ชื่อทีมวิจัยและสินค้าที่ผลิตขึ้นตามประสิทธิภาพใหม่ของมังคุดที่ค้นพบว่า Operation BIM (BIM ย่อมาจาก Balancing Immunity) แปลว่า ปฏิบัติการสร้างภูมิคุ้มกันที่สมดุล ซึ่งผู้ร่วมทีมเป็นอาจารย์จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่มีความสามารถทั้งสิ้น” ศ.ดร.พิเชษฐ์ กล่าว

               ผลงานจากความตั้งใจของทีมนักวิจัยไทยกลุ่มนี้ ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น แต่เดินหน้าค้นพบนวัตกรรมล่าสุด “LIV” (LIVe Happily with HIV) ผลิตภัณฑ์ที่สามารถเนรมิตชีวิตใหม่ให้แก่ ช่วยเหลือผู้ติดเชื้อเอชไอวี ให้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากขึ้น โดยผลิตภัณฑ์ตัวนี้สามารถเพิ่มเม็ดเลือดขาวชนิด Th17 และ Th1 ให้ตรงเข้าจัดการกับเชื้อเอชไอวี ช่วยรักษาโรคแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น และลดผลข้างเคียงจากการใช้ยาต้านไวรัสเอชไอวี ทั้งยังช่วยเพิ่มจำนวน เม็ดเลือดขาว CD4 ในอัตราที่สูงขึ้นด้วย ทำให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

               วันนี้ ศ.ดร.พิเชษฐ์ นำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ โดยให้เหตุผลว่า ไม่ใช่เพื่อการระดมเงิน แต่เป็นเรื่องของการสร้างความน่าเชื่อถือ เพราะต้องการขยายตลาดไปต่างประเทศ โดยตั้งเป้าที่จะเผยแพร่ผลิตภัณฑ์ Operation BIM นวัตกรรมธรรมชาติ “ภูมิสมดุล” ที่คนไทยคิดค้นให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ในระยะแรกๆ ที่เอพีซีโอ เข้าตลาดหุ้น รายได้หลักของบริษัทกว่า 80% มาจากการขายตรง ซึ่งเขามองว่า ไม่สามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพได้มากนัก จึงตัดสินใจนำหุ้นบางส่วนของตัวเองขายให้ผู้จำหน่ายธุรกิจขายตรง เพื่อให้พวกเขามีรายได้ 2 ทาง ทั้งจากการขายตรง และจากการทำธุรกิจของเอพีซีโอด้วย ที่สำคัญยังช่วยให้พวกเขารู้สึกเป็นเจ้าของบริษัทนี้ร่วมกันอีกด้วย นอกจากนี้ยังเพิ่มช่องทางใหม่เข้ามา ด้วยการขายทางโทรศัพท์ (เทเล มาร์เก็ตติ้ง) และเปิดศูนย์ บีไอเอ็ม เฮลธ์แคร์ เซ็นเตอร์ เพื่อให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ และแนะนำผลิตภัณฑ์ให้แก่ผู้บริโภคอย่างครบวงจร

               ล่าสุด เอพีซีโอ ร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้าน ดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง จากประเทศสิงคโปร์ นำรูปแบบการขายผ่านอีคอมเมิร์ซมาใช้ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์เข้าถึงผู้บริโภคในต่างประเทศผ่านช่องทางดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง จำนวน 3 แห่ง ที่ทำหน้าที่รองรับการจัดส่งสินค้าให้แก่ผู้บริโภคโดยตรง จุดแรก คือ ลอสแองเจลิส ทำหน้าที่กระจายสินค้าให้แก่ลูกค้าใน สหรัฐอเมริกา แคนาดา เม็กซิโก ส่วน จุดที่ 2 คือ ฮ่องกง รองรับการบริการลูกค้าใน จีน ไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น และ จุดที่ 3 คือ สิงคโปร์ ให้บริการลูกค้าใน มาเลเซีย อินโดนีเซีย

               ส่วนผลิตภัณฑ์ที่จะเริ่มจำหน่ายผ่านช่องทางดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง ในเบื้องต้นจะนำเสนอเพียง 3 ผลิตภัณฑ์ที่เป็นสินค้ายอดนิยมของบริษัท คือ ผลิตภัณฑ์ LIV สำหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวี จะเริ่มวางจำหน่ายในเดือนมีนาคม 2558 ผลิตภัณฑ์ Arthrinok สำหรับผู้มีปัญหาข้อเสื่อม เริ่มวางจำหน่ายในเดือนเมษายน 2558 และ ผลิตภัณฑ์ GoldShape ชนิดชงดื่มและทาผิว สำหรับผู้ต้องการกระชับสัดส่วน ที่จะเริ่มวางจำหนายตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2558

               แม้จะประสบความสำเร็จในเชิงธุรกิจ และทำงานหนักจนแทบไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง แต่ ศ.ดร.พิเชษฐ์ ยังไม่ทิ้งอุดมการณ์ที่จะช่วยเหลือสังคม โดยยังหาเวลาว่างนำผลิตภัณฑ์ไปช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็ง และผู้ป่วยโรคเอดส์ ที่ด้อยโอกาสในที่ต่างๆ ด้วยตัวเองอยู่เป็นประจำ เช่น โรงพยาบาลดอยสะเก็ด โรงพยาบาลแม่ออน จ.เชียงใหม่ และสถานรับเลี้ยงเด็กที่ติดเชื้อเอดส์ของหมู่บ้านแกร์ด้า จ.ลพบุรี

               ปัจจุบัน บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ เป็นผู้ดำเนินธุรกิจครบวงจรในนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สุขภาพ และความงามจากธรรมชาติ ด้วยการวิจัยพัฒนา ผลิตและจำหน่าย จนทำให้ ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา ในฐานะประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ ได้รับรางวัล ผู้บริหารสูงสุดยอดเยี่ยม (เบสท์ ซีอีโอ อวอร์ดส์) พ่วงท้ายด้วย รางวัลบริษัทจดทะเบียนด้านผลการดำเนินงานยอดเยี่ยมในเวที เซ็ท อวอร์ดส์ 2014 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และยังเป็นผู้จุดประกายแนวคิด “ภูมิสมดุล” มิติใหม่ของการดูแลสุขภาพ ไปเผยเคล็ดลับความสำเร็จในการนำนวัตกรรมธรรมชาติ ที่คิดค้นโดยฝีมือคนไทยให้โด่งดังไปไกลถึงตลาดโลก

ชีวิตผกผันจากนักวิทยาศาสตร์สู่นักธุรกิจ

               หลังจากจบมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา สอบเข้าเรียนต่อในสาขาการแพทย์ ได้เพียง 1 ปี ก็ได้รับทุนโคลัมโบไปศึกษาในต่างประเทศ จนจบการศึกษาระดับปริญญาตรี (เกียรตินิยม) เรียนต่อทางด้านวิทยาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเวสเทิร์นออสเตรเลีย และเรียนต่อจนจบปริญญาเอก สาขาเคมีอินทรีย์ จากมหาวิทยาลัยทาสมาเนีย ประเทศออสเตรเลีย หลังจากนั้นก็มีโอกาสเพิ่มประสบการณ์การทำวิจัยหลังปริญญาเอก ที่มหาวิทยาลัยคอนเนคทิคัต และมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย สหรัฐอเมริกา รวมเป็นเวลานานอีก 3 ปี ก่อนจะบินกลับมาใช้ชีวิตเมืองไทย พร้อมนำความรู้และประสบการณ์ที่สั่งสมมาประยุกต์ใช้กับการวิจัยพืชและผลไม้ไทย

               ด้วยความใฝ่ฝัน และมุ่งมั่น ที่จะพัฒนางานวิจัยพืชผลไม้ไทยให้โด่งดังไปไกลระดับอินเตอร์

               ราชินีผลไม้ไทย “มังคุด” คือจุดเริ่มต้นแรกที่ ศ.ดร.พิเชษฐ์ เลือกนำมาค้นคว้าวิจัย โดยช่วงที่ยังดำรงตำแหน่งเป็นคณบดีอยู่ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ชาวบ้านแถวนั้นเขารู้กันดีว่า มังคุดใช้เป็นยาได้ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่ส่งต่อกันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ แต่คนสำคัญที่เป็นผู้จุดประกายให้หันมาวิจัยมังคุดอย่างจริงจัง คือ “ลุงเขียว” นักการภารโรงที่ทำความสะอาดห้องวิจัยในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่นำเรื่องราวอันน่าทึ่งของมังคุดมาเล่าให้ ศ.ดร.พิเชษฐ์ ฟัง

               เปลือกมังคุด มีฤทธิ์ฝาดสมาน เมื่อนำไปตากแห้งฝนกับน้ำปูนใส สามารถใช้ทาแผลพุพอง แผลเน่าเปื่อย จะช่วยให้แผลรัดตัว หายเร็วขึ้น รักษาโรคน้ำกัดเท้า หรือถ้านำเปลือกมังคุดตากแห้งไปต้มน้ำดื่ม สามารถช่วยรักษาอาการท้องเสียได้ เมื่อรู้ถึงสรรพคุณร้อยแปดของมังคุด ศ.ดร.พิเชษฐ์ จึงเริ่มเดินหน้าวิจัยมังคุดอย่างจริงจังตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

               ยิ่งศึกษาค้นลึกมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งพบความน่าอัศจรรย์ของผลไม้สีม่วงชนิดนี้มากขึ้นเท่านั้น ศ.ดร.พิเชษฐ์ได้ค้นพบสารตัวหนึ่งในมังคุด ที่มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อโรคได้ดี จึงเกิดความคิดต่อยอดว่า อยากจะผลิตสารดังกล่าวออกมาในเชิงอุตสาหกรรมเพื่อประโยชน์ต่อสาธารณชน แต่กว่าจะประสบความสำเร็จตามที่ฝันไว้ ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องเผชิญอุปสรรคมากมายนับไม่ถ้วน ด้วยพื้นฐานของการเป็นนักวิทยาศาสตร์ ไม่มีความรู้ด้านการตลาด และเส้นทางชีวิตก็ไม่ได้ปูจากความรู้เชิงธุรกิจ แต่ด้วยความคิดนอกกรอบที่ไม่อยากให้งานวิจัยดีๆ หายจากโลกนี้ไปโดยไม่มีการนำมาต่อยอด และนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อมวลมนุษยชาติ จึงริเริ่มต่อยอดงานวิจัยของตนเองในเชิงธุรกิจอย่างจริงจัง

ข่าวคมชัดลึก วันที่25/3/58

ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา The Best 2014


เด็กๆติดเชื้อเอดส์ที่บ้านแกดา หลังจากการทานอาหารเสริม


เป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นจากการวิจัยของคณะนักวิจัยของไทย บมจ.APCO ที่ทำงานวิจัยอย่างต่อเนื่องกว่า 30 ปี และได้ค้นพบว่าการสร้างภูมิคุ้มกันที่สมดุลเป็นมิติใหม่ของการดูแลสุขภาพ จึงได้ผลิตสูตรสารสกัดจากธรรมชาติสำหรับกา?รแก้ไขปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นจากภูมิคุ้มกันที่ไม่สมดุลรวมทั้งผู้ที่มีปัญหาการติดเชื่อจาก HIV(เอดส์) คือ LIV

1 แคปซูล(600มิลลิกรัม) เลขที่อย.51-1-00739-1-0107
ประกอบด้วย : สารสกัดจากพืชผลไม้ธรรมชาติที่โดยทำการสกัดเอามาแต่สารที่เป็นคุณประโยชน์ และตัดทิ้งสารที่ก่อพิษในร่างกายออก มีถั่วเหลือง งาดำ ฝรั่ง ใบบัวบก และมังคุด
GM-1-Polysaccharide Synergistic Complex ..(225 mg) ของCentella asiatica juice powderและ Mangosteen (aril) extract powder
SG-Protein Synergistic Complex (279 mg) ของBlack sesame extract,Guava fruit juice powderและ Isolated soy protein

ขนาดรับประทาน : 2-3 เม็ด (ก่อนอาหาร 0.5-1ชั่วโมง)   วันละ 2 หรือ 3 ครั้ง
ขนาดบรรจุ กระปุกละ 60 แคปซูล

สอบถามได้ที่ศูนย์บิม BIMhcc 
โทร.098-251-5166
โทร.098-249-6546
Line id : bim100center
IG : bim100center